วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สมุนไพรไทย

      สรรพคุณ...สมุนไพรไทย


สมุนไพรไทยนี้มีค่ามาก

พรเจ้าอยู่หัวทรงฝากให้รักษา

แต่ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานาน

ควรลูกหลานรู้รักษาใช้สืบไป
เป็นเอกลักษณ์ของชาติควรศึกษา
วิจัยยาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมัย
รู้ประโยชน์รู้คุณโทษสมุนไพร
เพื่อคนไทยอยู่รอดตลอดกาล

พระราชนิพนธ์

                     สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯสยามบรมราชกุมารี






สรรพคุณสมุนไพรแบ่งตามกลุ่มอากา

                  


กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือ

 กระเจี๊ยบแดง
                                                                                                                          
  ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Hibiscus sabdariffa  L.

ชื่อสามัญ :

Jamaican Sorel, Roselle


วงศ์ :  Malvaceae


ชื่ออื่น : กระเจี๊ยบ  กระเจี๊ยบเปรี้ย  ผักเก็งเค็ง  ส้มเก็งเค็ง 



ส้มตะเลงเครง


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 50-180 ซม. มีหลายพันธุ์ ลำต้นสีม่วงแดง ใบเดี่ยว รูปฝ่ามือ 3 หรือ 5 แฉก กว้าและยาวใกล้เคียงกัน 8-15 ซม. ดอกเดี่ยว ออกที่ซอกใบ กลีบดอกสีชมพูหรือเหลืองบริเวณกลางดอกสีม่วงแดง เกสรตัวผู้เชื่อมกันเป็นหลอด ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ มีกลีบเลี้ยงสีแดงฉ่ำน้ำหุ้มไว้


สรรพคุณ :
-กลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล
1.เป็นยาลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยลดน้ำหนักด้วย
2.ลดความดันโลหิตได้โดยไม่มีผลร้ายแต่อย่างใด
3.น้ำกระเจี๊ยบทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง
4.ช่วยรักษาโรคเส้นโลหิตแข็งเปราะได้ดี
5.น้ำกระเจี๊ยบยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นการช่วยลดความดันอีกทางหนึ่ง
6.ช่วยย่อยอาหาร เพราะไม่เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะ
เพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ
8.เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้ร่างกายสดชื่น เพราะมีกรดซีตริคอยู่ด้วย
 -ใบ  แก้โรคพยาธิตัวจี๊ด ยากัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำคอ ให้ลงสู่ทวารหนัก
  -  ดอก  แก้โรคนิ่วในไต แก้โรคนิ่วในกระเพราะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด กัดเสมหะ ขับเมือกในลำไส้ให้ลงสู่ทวารหนัก
  -ผล  ลดไขมันในเส้นเลือด แก้กระหายน้ำ รักษาแผลในกระเพาะ
  -เมล็ด  บำรุงธาตุ บำรุงกำลัง แก้ดีพิการ ขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด
           นอกจากนี้ได้บ่งสรรพคุณโดยไม่ได้ระบุว่าใช้ส่วนใด ดังนี้คือ แก้อ่อนเพลีย บำรุงกำลัง บำรุงธาตุ แก้ดีพิการ แก้ปัสสาวะพิการ แก้คอแห้งกระหายน้ำ แก้ความดันโลหิตสูง กัดเสมหะ แก้ไอ ขับเมือกมันในลำไส้ ลดไขมันในเลือด บำรุงโลหิต ลดอุณหภูมิในร่างกาย แก้โรคเบาหวาน แก้เส้นเลือดตีบตัน
          นอกจากใช้เดี่ยวๆ แล้ว ยังใช้ผสมในตำรับยาร่วมกับสมุนไพรอื่น ใช้ถ่ายพยาธิตัวจี๊ด
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
          โดยนำเอากลีบเลี้ยง หรือกลีบรองดอกสีม่วงแดง ตากแห้งและบดเป็นผง ใช้ครั้งละ 1 ช้อนชา  (หนัก 3 กรัม) ชงกับน้ำเดือด 1 ถ้วย (250 มิลลิลิตร) ดื่มเฉพาะน้ำสีแดงใส ดื่มวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันทุกวันจนกว่าอาการขัดเบาและอาการอื่นๆ จะหายไป
สารเคมี
          ดอก  พบ Protocatechuic acid, hibiscetin, hibicin, organic acid, malvin, gossypetin
คุณค่าด้านอาหาร
          น้ำกระเจี๊ยบแดง มีรสเปรี้ยว นำมาต้มกับน้ำ เติมน้ำตาล ดื่มแก้ร้อนใน กระหายน้ำ และช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในเส้นเลือดได้ และยังนำมาทำขนมเยลลี่ แยม หรือใช้เป็นสารแต่งสี ใบอ่อนของกระเจี๊ยบเป็นผักได้ หรือใช้แกงส้ม รสเปรี้ยวกำลังดี กระเจี๊ยบเปรี้ยวมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "ส้มพอเหมาะ" ในใบมี วิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ส่วนกลีบเลี้ยงและกลีบดอก มีสารแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
          น้ำกระเจี๊ยบแดงที่ได้สีแดงเข้ม สาร Anthocyanin นำไปแต่งสีอาหารตามต้องการ

  ที่มา   http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/index.html
 



วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกไม้แห่งความรัก

ดอกกล้วยไม้





กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว ในวงศ์ Orchidaceae เป็นดอกไม้ยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะของดอกไม้ และสีสันลวดลาย สวยงาม เป็นดอกไม้ที่มีอายุการใช้งานได้นานกล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย เพราะเป็นดอกไม้ส่งออกขายต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายร้อยล้านบาท มีการ ปลูกเลี้ยงอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผสมเกสร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลี้ยงลูกกล้วยไม้ เลี้ยงต้นกล้วยไม้จน กระทั่งให้ดอกตัดดอกบรรจุหีบห่อและส่งออกเอง

จากการสำรวจในอดีตพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีกล้วยไม้อยู่ในป่าธรรมชาติไม่ต่ำกว่า 1,000 ชนิด ทั้งประเภทที่พบอยู่บนต้นไม้บนพื้นผิวของภูเขาและบนพื้นดินสรุปได้ว่าสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ ของประเทศไทยเอื้ออำนวยแก่การเจริญงอกงามของดอกไม้ เช่น กล้วยไม้เป็นอย่างมาก ในอดีตชาวชนบทของไทยโดยเฉพาะในแหล่งที่เคยมีกล้วยไม้ป่าอุดมสมบูรณ์ ได้นำดอกกล้วยไม้ป่ามาปลูกเลี้ยงโดยเลียนแบบธรรมชาติ โดยนำดอก

กล้วยไม้มาปลูกไว้กับต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ไกล้ๆ บ้านเรือน การเลี้ยงกล้วยไม้เริ่ม เปลี่ยนมาเป็นการปลูกเลี้ยงอย่างจริงจังโดยชาวตะวันตกผู้หนึ่ง ที่เข้ามาทำธุรกิจใน ประเทศไทย เห็นว่าสภาพแวดล้อมของประเทศไทยเหมาะสมสำหรับการ ปลูกเลี้ยง ดอกกล้วยไม้จึงได้สร้างเรือนกล้วยไม้อย่างง่ายๆ และนำเอาดอกกล้วยไม้ป่าจากเขตร้อนของ อเมริกาซึ่งเป็นแหล่ง กำเนิดดอกกล้วยไม้ป่าแหล่งใหญ่แหล่งหนึ่งของโลกซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากดอกกล้วยไม้ ในเอเชีย และเอเซียแปซิฟิคโดยนำมาปลูกเลี้ยงเป็นงานอดิเรก ในขณะเดียวกันก็มีเจ้านายชั้นสูงและบรรดาข้าราชการที่ใกล้ ชิดให้ความสนใจเลี้ยงดอกกล้วยไม้เป็นงานอดิเรกเช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังมีกลุ่มบุคคลสูงอายุซึ่งเลี้ยงดอกกล้วยไม้ เพื่อความ สุขทางใจ การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ อย่างไรก็ตามการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ยังคงจำกัดอยู่ในวงแคบ คือ ในกลุ่มผู้สูงอายุและกลุ่มผู้มีเงินในยุคนั้น และเป็นการปลูกเลี้ยงที่นิยมกล้วยไม้พันธุ์ต่างประเทศ ส่วนกล้วยไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในป่าของประเทศไทยจะนิยมและยกย่องเฉพาะพันธุ์ ว่าเป็นดอกไม้ที่หายากและมีราคาแพง
คาร์เนชั่น ( Carnation )


คาร์เนชั่นเป็นดอกไม้ที่มีความหมายที่ดี และเป็นสิ่งปลอบใจที่สำคัญยิ่งของผู้ป่วยไข้ซึ่ง กำลังต้องการกำลังใจอย่างแรงกล้า ความอดทน ความสุภาพอ่อนโยน ความกล้าหาญ ความประณีตและความสบายใจ คือคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับเจ้าดอกไม้กลีบหยักย่น แต่อ่อนนุ่มชนิดนี้ช่อคาร์เนชั่นวันเกิดจะสวยสะดุดตา เมื่อรวมอยู่เป็นช่อ โดยมีใบเฟิร์นประดับแซม หากเป็นช่อคาร์เนชั่นวันเกิดสำหรับคุณหนู อย่าลืมแถมเมล็ดคาร์เนชั่นไปด้วยเพราะด้วยคุณสมบัติเพาะง่ายโตเร็ว จะทำให้สวนสวยสดชื่นอีกครั้งด้วยคาร์เนชั่นหลากสีหลังจากวันเกิดครั้งนี้ไม่นานนัก
ดอกส้ม ( Orange Blossoms )

ดอกส้มยามบานสะพรั่ง เป็นสัญลักษณ์เก่าแก่ของความบริสุทธิ์กลิ่นหอมของดอกส้มคือหนึ่งในกลิ่นยอดนิยมของโลก แม้แต่ใบและกิ่งของมันยังมีกลิ่นหอม จึงนิยมนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องหอมด้วย และเป็นกลิ่นเดียวที่ใช้บรรยายคุณลักษณะของกลิ่นดอกไม้ชนิดอื่น ช่อดอกส้มสำหรับวันเกิดจะงดงามเป็นพิเศษหากจัดเป็นช่อเล็กๆผูกด้วยริบบิ้นสีสดใส หรือจะเป็นกระถางต้นส้มแทนช่อดอกไม้ก็เก๋ไม่เบา วิธีปลูกต้นส้มในกระถางนั้นไม่ยาก เพียงแต่นำเมล็ดเพาะปลูกลงในกระถางเลยไม่ต้องลงแปลงเพาะชำแต่อย่างใด
ดอกแอสเตอร์( ASTER)

แอสเตอร์มีถิ่นกำเนิดในจีน ชาวยุโรปเรียกแอสเตอร์ว่า สตาร์เวิร์ท เนื่องจากรูปดอกที่คล้ายดวงดาว ส่วนเวิร์ท - wort หมายถึงราก ใช้กับต้นไม้ที่มี สรรพคุณในทางยา ครั้งแรกที่แอสเตอร์เบ่งบานในราชอุทยานฝรั่งเศสคือ ในปี ค.ศ.1730ทุกคนต่างตะลึงในความสวยงามอันหลากสีสันของแอสเตอร์ ซึ่งเริ่ม ตั้งแต่ขาว เหลือง ครีม ชมพู แดง ม่วง น้ำเงิน ซึ่งก็คือที่มาของความหมายว่า ความหลากหลายนั่นเอง ในอังกฤษแอสเตอร์หรือเดซี่ หมายถึงการเริ่มต้น วันเปิดเทอม แอสเตอร์จะบานเต็มที่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเป็นการปิดฉากฤดูร้อน อันแสนสดชื่น แต่ก็เป็นการรอคอยฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงภายหลังความหนาวเย็นในฤดูหนาวผ่านไป
ดอกกุหลาบ

กุหลาบเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมจากทุกคนทุกยุคทุกสมัย
ความเป็นมาปรากฎให้เห็นตั้งแต่ราว 5000 ปีที่ผ่านมา จากชนชาติ    สุเมเรียน ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์บริเวณแม่น้ำไทกริสและ ยูเกรตีสหรือประเทศอิรักในปัจจุบัน สมัยต่อมาอยู่ในราว 1700           ปีก่อนคริสตศตวรรษที่เกาะครีต สามเหลี่ยมปากแม่น้ำไนล์

หลักฐานเป็นภาพเขียน บน
ฝาผนังในวังเรียกว่า BLUE RIRD FRESCO บนภาพเขียนมีรูปกุหลาบแต่ไม่เหมือนกุหลาบจริง




เรื่องราวของกุหลาบได้เผยแพร่จากชาวเกาะครีตไปทางตอนเหนือสู่ประเทศกรีซ โดยนิสัยชาวกรีก คลั่งการรบแต่วรรณกรรมเรื่องหนึ่งได้สอดแทรกเรื่องดอกกุหลาบมีการชโลมศพ ด้วยน้ำมันกุหลาบก่อนอาบน้ำศพ ในช่วงสมัยฮีโรโคตัส 485-425 ปี ก่อนคริสตกาล กุหลาบเป็นยอมรับและนิยมของชาวกรีก มีการนำกุหลาบไปปลูกในสวนเป็นพันธุ์   ROSA GALLICA และกุหลาบ AUTUMN DAMARK ROSE เรื่องราวของต้นกุหลาบและการปลูกนั้น ถูกบันทึกโดยฮีโอฟรัสตัส เมื่อ 372-286 ปี ก่อนคริสตกาลในหนังสือชื่อ HISTORIA PLANTARUM ฮีโอฟรัสตัสได้กล่าวไว้ว่า "กุหลาบและลิลีสามารถขยายพันธุ์ได้ โดยการตัดชำ ต่อมาพระนางโจเซฟิน ราชินีของกษัตริย์นโปเลียน          ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส ผู้ทุ่มเทเงินทองและกำลังคนเพื่อเก็บรวบรวมพันธุ์กุหลาบชนิดต่าง ๆ ตลอดจนลูกผสม ถึง 250 พันธุ์ หลังจากที่สงครามสงบในปี ค.ศ.1815 ทางการอังกฤษจึงได้สั่งให้รักษาสวนแห่งนี้ไว้ กุหลาบพันธุ์ต่าง ๆ ในสวนของโจเซฟินนี้เป็นบรรพบุรุษของกุหลาบในยุคปัจจุบันมีสีแดงอ่อนไปถึงแดงเข้ม สีชมพูสีขาว และสีทนต่ออุณหภูมิต่ำได้ดีมาก


กุหลาบ ROSE OF CASTILE ชนิดนี้ปลูกในอเมริกาเหนือ ดอกกุหลาบ DAMARK มีกลิ่นหอม พวกมิชชันนารี ชาวอังกฤษได้นำดอกกุหลาบมาผลิตน้ำหอมหลังจากสมัยของโจเซฟิน กุหลาบพันธุ์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น โดยผสมกันเองตามธรรมชาติของพันธุ์ต่าง ๆ
กุหลาบพันธุ์ใหม่ ๆ ในช่วงนี้จึงเป็นลูกผสมที่มีความแปรปรวนทางพันธุกรรม แม้กุหลาบจะเป็นดอกไม้ที่มีปลูกในเมืองไทยมาเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า ผู้ใดนำกุหลาบเข้าปลูกและ ตั้งแต่เมื่อใด แต่ทราบเพียงว่ากุหลาบเป็นดอกไม้ที่น่าสนใจและปลูกเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว การปลูกกุหลาบในสมัยนั้นเป็นการปลูกดอกไม้เพื่อให้ประดับบ้านเรือ
หรือเพื่อเป็นงานอดิเรก ปัจจุบันกุหลาบพันธุ์ ต่าง ๆ เหล่านี้คงหาได้ยากหรืออาจสูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากมีกุหลาบบางพันธุ์ที่มีความสวยงามกว่าเข้ามาแทนที่ ทำให้พันธุ์เก่า ๆ เสื่อมความนิยมลง

ไฮยาซินธ์ ( Hyacinth )                            
สัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้

ในวันเกิดเดือนแรกแห่งปี สมควรจะมอบกระถางดอกไม้อัน หอมหวนที่สุดในโลกแก่คนที่คุณรัก เพราะไฮยาซินธ์ คือ สัญลักษณ์แห่ง การเกิดใหม่ ดอกไม้ที่มีรูปร่างคล้ายระฆัง น้อยยามแรกผลิ และมองดูคล้ายดาวห้าแฉกยามบายสะพรั่งและด้วยคุณสมบัติเด่นของไฮยาซินธ์ คือ กลิ่นอันหอมหวนทำให้มันเป็นดอกไม้ที่นิยมมากในราชสำนักยุโรป ไฮยาซินธ์จะกลายเป็นของขวัญวิเศษสุดหากปลูกไม้เก่าแก่ชนิดนี้ในกระถางทรงกลมคอดกลาง แต่อย่าลืมแนบข้อความแนะนำไปด้วยว่า อย่าทิ้งเมื่อไฮยาซินธ์โรยราเพราะมันจะบานให้ชื่นใจอีกครา ถ้าเพียงแต่ นำหัวของมันไปฝังไว้ในดิน

ลิลลี่ อีสเตอร์ ( Easter Lily )






ลิลลี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธ์ในศาสนา ลิลลี่สีขาวหมายถึงพระแม่มารี ชาวตะวันตกได้ใช้ประโยชน์ของลิลลี่ทั้งทางด้านการเป็นเครื่องประทินโฉมและการรักษาโรค

ช่อดอกลิลลี่ อีสเตอร์ นิยมมอบในวันเกิด สื่อความหมายถึง ความหอมหวนแห่งฤดูร้อนที่มอบแด่ผู้รับ ในช่วงสุดท้ายของฤดูหนาว เพื่อสร้างความประทับใจแก่ผู้รับ
การมอบลิลลี่กระถางให้ก็นับว่าเป็นของขวัญที่พิเศษมาก ประโยชน์ของลิลลี่กระถางคือ เมื่อดอกสีขาวบริสุทธิ์ถึงกาลโรยราไม่ได้หมายความว่าต้นของมันตาย เพราะรากของมันสามารถนำไปปลูกได้อีก

โอลีฟ


ในภาษาดอกไม้ โอลีฟ
คือพลังแห่งรักที่ยืนยง แม้ดอกโอลีฟมีขนาดเล็กมากจนแทบจะมองไม่เห็น เพราะซุกอยู่ท่ามกลางกลุ่มใบอันเขียวขจีของมัน แต่ก็ส่งกลิ่นหอมชื่นใจต่างกับขนาดอย่างสิ้นเชิงโดย มีกลิ่นคล้ายๆกับผลแอปริคอทและผลพืชสุก ดอกโอลีฟเพียงช่อเดียวก็สามารถทำให้ทั้งบ้านหอมไปด้วย กลิ่นผลไม้สุก ช่อดอกโอลีฟวันเกิดจะน่ารักมาก หากมีกุหลาบสีชมพูและสนขาวเป็นส่วนประกอบ หรือจะปล่อยให้โอลีฟอวดโฉมเพียงเดียวดายกับริบบิ้นซาตินสีขาวก็งดงามไปอีกแบบ หรือจะเป็นดอกโอลีฟกระถาง ต้นโอลีฟซึ่งกำลังออกดอกสะพรั่งก็จะเศษยิ่งขึ้น อย่าลลืมแนะนำผู้รับด้วยว่าโอลีฟไม่ชอบ อากาศอับชื้น หรือเย็นจัดยามที่ดอกตูมเริ่มผลิบาน

ที่มา  http://loveflorist.blogspot.com/2010/01/blog-post.html